วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2559

จดหมายเหตุ DSI ตอน ดีเอสไอลวงโลก ไม่จริงใจดำเนินคดีพระธัมมชโย (14 มิ.ย.59) ตอนที่ 14

ถือเป็นอีกหนึ่งวันที่มีความเข้มข้นในความพยายามที่จะเอาผิดพระธัมมชโย ซึ่งวันนี้หลายสื่อพร้อมใจนำเสนอข่าวการประชุม 3 ฝ่ายเหลว ภายหลัง DSI ปาหี่มุบมิบส่งสำนวนฟ้องอัยการ ก่อนได้ข้อสรุปการประชุม

หลังจากวานนี้ DSI แสดงความไม่จริงใจอีกครั้งในการประชุม ด้วยการยื่นส่งสำนวนฟ้องอัยการ ก่อนได้ข้อสรุปซึ่งเป็นการประชุมร่วมกันของ 3 ฝ่ายคือ ดีเอสไอ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี (และวัดพระธรรมกายไม่มีชื่อในการประชุม โดยคณะกรรมการที่ตั้งขึ้น)

ขณะที่วันนี้เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วยทนายสมศักดิ์ โตรักษา แถลงข่าวยุติบทบาทหน้าที่เจรจาพระธัมมชโย



ด้านวัดพระธรรมกาย โดยพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กรแถลงข่าวเสียใจ DSI สั่งฟ้องรวบรัด ส่งสำนวนคดีถึงอัยการ ทั้งที่ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา ซึ่งพระสนิทวงศ์กล่าวถึงความไม่ชอบธรรมในการดำเนินคดีของ DSI อาทิ หมายเรียกหลุดมาถึงสื่อมวลชนก่อนถึงมือพระธัมมชโย 

ขณะที่ DSI ยังให้ นพ.มโน เลาหวณิช ซึ่งเป็นผู้กล่าวหาและมีความขัดแย้ง เข้าร่วมประชุมชี้นำจัดการกับพระธัมมชโย 

รวมถึงการส่งสำนวนไปยังอัยการโดยไม่รอข้อสรุป ซึ่งการดำเนินคดีกับพระธัมมชโย ทั้งนี้พระสนิทวงศ์ย้ำ พระธัมมชโยได้รับบริจาคโดยเปิดเผยและสุจริต ทรัพย์ทั้งหมดได้นำไปใช้เพื่อสร้างศาสนสถาน ตามเจตนารมณ์ของผู้บริจาค ไม่ได้นำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตนแม้แต่บาทเดียว มีหลักฐานเส้นทางการเงินชัดเจน 

อีกทั้งที่ผ่านมา ลูกศิษย์วัดได้ตั้งกองทุนเยียวยาสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่นจนครบ และสหกรณ์ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่แท้จริง ได้ทำหนังสือขอบคุณแสดงเจตนารมณ์ไม่ติดใจเอาความทั้งทางแพ่งและอาญา ทำไมดีเอสไอกลับมุ่งมั่นดำเนินคดีในประเด็นที่ไม่เกิดประโยชน์กับสมาชิกสหกรณ์ ซึ่งการดำเนินคดีกับพระธัมมชโยจะสร้างผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาอย่างใหญ่หลวง ต่อการรับบริจาคของวัดและองค์กรสาธารณะอื่นๆ ก็จะถูกดำเนินคดีรับขอบโจรและฟอกเงินได้เช่นกัน


ขณะที่สื่อประชาชาติธุรกิจนำเสนอข่าว ธรรมกายแถลงซัด DSI ไม่ทำตามข้อเจรจา เร่งรัดสรุปสำนวน



ด้านธรรมกาย

ด้านบิ๊กต๊อก พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ให้สัมภาษณ์ดราม่า "ต้องหาเงินมาคืนแก่ผู้เสียหายให้ได้ อยากให้ประชาชนเข้าใจว่า เราดำเนินการเรื่องนี้เพราะ อยากได้เงินกลับคืนมาให้ผู้เสียหายให้ได้มากที่สุด แต่การจะได้เงินมา ก็ต้องหาผู้กระทำผิดให้ได้เสียก่อน" 




อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสงสัยว่า วัดพระธรรมกายได้รับเงินบริจาค 8% หรือคิดเป็นเงินเพียง 932 ล้านบาท จากวงเงิน 11,367 ล้านบาท ในจำนวนนี้ถูกกระจายออกไป คือ

1. นิติบุคคล ในและต่างประเทศจำนวน 7,203 ล้านบาท 
2. นายวัฒน์ชานนท์ นวอิสรารักษ์, นายจิรเดช วรเพียรกุล และสหกรณ์เครดิตยูเนียนรัฐประชา 2,566 ล้านบาท 
3. นายศุภชัย ศรีศุภอักษร และเครือข่าย 348 ล้านบาท
4. บริษัท เอสดับบลิวโฮลดิ้ง และนายสถาพร วัฒนศิรินุกูล 272 ล้านบาท
5. สหกรณ์อื่นๆ 46 ล้านบาท



อีกทั้งคณะลูกศิษย์ได้ตั้งกองทุนเยียวยา ช่วยเหลือสหกรณ์ไปหมดแล้ว และถือเป็นที่เดียวที่มีการช่วยเหลือ



ขณะที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษรได้เคยชี้แจงว่า พระธัมมชโยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น สอดคล้องกับเช่นเดียวกับนายประกิต พิลังกาสา ประธานกรรมการบริหารแผนฟื้นฟูสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่นกล่าวว่า "กรณีเงินเยียวยาจากวัดพระธรรมกายเกือบพันล้านบาท ซึ่งเป็นเงินก้อนเดียวที่สหกรณ์ฯมีอยู่.. ซึ่งเงินเยียวยาจากลูกศิษย์วัด มีประโยชน์ต่อสมาชิกสหกรณ์ฯ เป็นอย่างมาก ทั้งๆ ที่ลูกศิษย์วัดฯ ไม่จำเป็นต้องทำด้วยซ้ำ..."

ขณะที่ความเคลื่อนไหวอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้คือ ดีเอสไอเตรียมกำลังตำรวจภาค 1 ปฏิบัติการจับพระธัมมชโย ระบุภายในวันศุกร์นี้

นอกจากนี้ ดีเอสไอ เตรียมส่งเรื่องไปยังสำนักงานปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เพื่อให้สอบทรัพย์สินวัดพระธรรมกาย 

นี่เป็นสรุปข่าวตลอดทั้งวันที่เกิดขึ้นภายในวันนี้ (14 มิถุนายน พ.ศ. 2559)  ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นๆ จะนำมาสรุปให้อ่านในโอกาสต่อไป

2 ความคิดเห็น:

  1. ทำไมไม่ไปตามเงินมี่ต่างๆให้หมด ทำไมมากล่าวหาที่วัดที่เดียวคะ บอกว่าอยากได้เงินคืน แต่ทางลูกศิษย์วัดก็ลงขันกันเยียวยาไปจนครบแล้ว และตามความเป็นจริงไม่ต้องถึงขนาดลงขันก็ได้ แต่ด้วยความมีน้ำใจของลูกศิษย์วัด สังคมเขารู้เรื่ิงนี้แล้ว ค่ะ

    ตอบลบ
  2. เงิน 11,367 ล้าน ไม่ไปตามหา หลายเงินมากกว่านี้มีความเห็นไม่ฟ้อง เฉพาะกรณีพระรับเงินโดยเปิดเผย ไปสร้างศาสนสถาน ถวายคณะลูกศิษย์ตั้งกองทุนช่วยเหลือให้ กลับตะบีตะบันจะเอาความผิดยัดใส่พระให้ได้ นี่คือความอยุติธรรมในสังคมไทยตอนนี้

    ตอบลบ