วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

พระธัมมชโยอวดอุตริฯ เรื่องสตีฟ จอบส์ตายแล้วไปไหน.. จริงหรือ??

คำถาม : สตีฟ จอบส์ ตายแล้วไปไหน!!! 
หลวงพ่อธัมมชโยรู้ได้อย่างไรว่าไปสวรรค์ 
แบบนี้ถือว่าอวดอุตริฯ หรือเปล่า?

คำตอบ : เรื่องตายแล้วไปไหน!!! 
อันที่จริงเป็นเรื่องที่ไม่เหลือวิสัยของเหล่าผู้มีรู้มีญาณที่ทรงอภิญญา   หรือผู้ที่บรรลุวิชชา 3
ที่สามารถกำหนดรู้ในการจุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลาย
อันเป็นไปตามกรรมด้วยการใช้ “จุตูปปาตญาณ” 
สตีฟ จอบส์ ตายแล้วไปไหน..??
ซึ่งจากประวัติและเรื่องราวที่มีบันทึก
ของพระสายกรรมฐาน, พระวิปัสสนาจารย์ 
หรือบรรดาพระเกจิผู้มีรู้มีญาณชื่อดังในยุคปัจจุบัน 
หลายๆ รูปท่านก็สามารถระลึกชาติ
และล่วงรู้การไปเกิดมาเกิดของสัตว์ทั้งหลายได้
(ยกตัวอย่างเช่น  หลวงปู่ชอบ , หลวงปู่บุดดา เป็นต้น) 
หรือแม้แต่ในพระไตรปิฎก
 ก็ได้มีการกล่าวถึงเรื่องเหล่านี้อยู่อย่างมากมายเช่นกัน   
หลวงปู่ชอบ ฐานสโม

หลวงปู่บุดดา ถาวโร

ยกตัวอย่างเช่น...
นางวิสาขา ละสังขารจากโลกมนุษย์แล้ว
ไปเกิดเป็นมเหสีของผู้ปกครองสวรรค์ชั้นนิมมานรดี 
(พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ เล่มที่ 26 ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ-เถร-เถรีคาถา)   
นางวิสาขา

หรือ..
โตเทยยพราหมณ์ ตายแล้วไปเกิดเป็นสุนัขในบ้านตนเอง 
(พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ เล่มที่ 13  มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์) เป็นต้น. 

เพียงแต่เรื่องราวเหล่านี้ 
อาจเป็นเรื่องเหลือวิสัยของปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป
ที่จะตรองตามด้วยการฟังและการอ่านให้เข้าใจได้
เพราะสิ่งเหล่านี้จะต้องอาศัยการลงมือปฏิบัติเท่านั้น
จึงจะรู้แจ้งเห็นจริงว่า...
มันสามารถทำได้จริงและมีจริงๆ   
ขอเพียงแค่เราปฏิบัติจริงๆ และปฏิบัติอย่างถูกวิธี 
เราก็สามารถไปรู้ไปเห็นเรื่องราวเหล่านี้ด้วยตัวของเราเองได้

เพราะฉะนั้น...
การที่หลวงพ่อธัมมชโยนำเรื่องราวในปรโลกของสตีฟ จอบส์
มาเล่าจนกลายเป็นประเด็นสังคมอยู่ในขณะนี้  
ตราบใดที่เรายังเป็นปุถุชนคนธรรมดา 
ที่ไม่เคยคิดที่จะพิสูจน์ด้วยการลงมือปฏิบัติ
ให้รู้แจ้งเห็นจริงด้วยตัวของเราเอง 
ก็คงยากที่จะเข้าใจ 
แล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนที่เชื่อและไม่เชื่อ
ในสิ่งที่ท่านนำมาเล่า
Steve Jobs
ส่วนว่าเรื่องราวที่ท่านนำมาเล่า
อย่างกรณีของสตีฟ จ็อบส์
เข้าข่ายการอวดอุตริมนุสธรรมหรือไม่นั้น!!!  
ขอตอบแบบเคลียร์ๆ ณ.ที่นี้ว่า...
ไม่เข้าข่ายการอวดอุตริมนุสธรรม!!!
เพราะทุกครั้งก่อนที่ท่านจะเล่าเรื่อง  
ท่านจะย้ำว่า...
“หลับตา ฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาวหนึ่งที 
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรา... 
ให้พอเป็นความรู้ติดแข้งติดขา 
ถ้าจะไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร”

หรือในบางครั้งท่านก็จะกล่าวเพิ่มเติมในทำนองที่ว่า... 
“เรื่องที่นำมาเล่าเป็นเรื่องราวที่ฟังเขามาอีกที 
ก็ให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรา เพื่อจะได้เข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรม” 
ไม่เคยมีสักครั้งที่ท่านจะกล่าวอ้างตัวเองว่า...
ท่านนั่งสมาธิไปดูด้วยตัวเอง 
หรือใช้ญาณทัสสนะของท่านไประลึกชาติ 
เพื่อดูเรื่องราวในอดีตหรือดูการไปเกิดมาเกิดของใคร 
เพราะฉะนั้น...
การเล่าเรื่องในลักษณะนี้ จึงไม่ใช่การอวดอุตริมนุสธรรม  
และที่สำคัญ...
เจตนาตั้งต้นที่ท่านนำเรื่องราวมาเล่าให้ฟังในลักษณะนี้
ก็เพื่อมุ่งเน้นสอนคนให้รู้เรื่องกฏแห่งกรรม 
ไม่ได้มีเจตนายกตนให้คนเชื่อว่าท่านมีคุณวิเศษแต่อย่างใด

ส่วนว่า...
ฟังแล้วใครจะคิดกับท่านอย่างไร!!! 
จะเชื่อหรือไม่เชื่อเรื่องราวที่ท่านนำมาเล่า 
อันนี้ก็สุดแล้วแต่ความคิดของแต่ละคน
ซึ่งเราคงไม่สามารถไปห้ามความคิดของใครได้ 
เพราะหลวงพ่อท่านก็เน้นย้ำอยู่ทุกครั้ง
ก่อนที่จะเทศน์สอนผ่าน DMC ว่า...
ที่นี่เป็นโรงเรียนอนุบาล (ฝันในฝันวิทยา) 
เนื้อหาธรรมะที่นำมาเทศน์สอนก็อยู่ในระดับอนุบาล
ซึ่งพอจะเป็นแนวทางสำหรับคนที่สนใจ
อยากจะรู้เรื่องราวของกฎแห่งกรรม 
แต่ถ้าใครอยากจะฟังอะไรที่ลึกซึ้งมากไปกว่านี้ 
ก็ต้องไปฟังจากพระผู้มีรู้มีญาณที่ทรงอภิญญา
ซึ่งนั่นถือเป็นความรู้ระดับดอกเตอร์ 
ส่วนของท่านนั้น...
ยังไม่ถึงขั้นระดับประถม  มัธยม หรืออุดมศึกษา
เป็นเพียงแค่ความรู้ระดับชั้นอนุบาลเท่านั้น 
แต่ถ้าใครยังสงสัยและอยากจะพิสูจน์ว่า
เรื่องราวดังกล่าวมันเป็นจริงอย่างที่ท่านเล่าหรือไม่!!! 
จะชัวร์หรือมั่วนิ่ม ก็ต้อง “เอหิปัสสิโก” 
หรือมาพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติด้วยตัวของคุณเองว่ามันจริงไหม!!!  
ใจหยุดได้เมื่อไร ความลับของชีวิตก็จะถูกเปิดเผย
ถ้ามัวแต่มาตั้งป้อมตั้งประเด็น
และถกเถียงกันผ่านตัวหนังสือ
แต่ไม่คิดจะลงมือปฏิบัติ ถกไปก็ไม่เกิดประโยชน์    
อันตราย ย่อมเกิดกับผู้ทำอันตราย กับผู้ไม่ทำอันตราย

7 ความคิดเห็น:

  1. ถูกต้องที่สุดค่าควรปฏิบัติด้วยตนเองและก็จะรู้แจ้งด้วยตนเองไม่ต้องมาถกเถียงกันในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้เสียเวลาค่ะชวนกันมาฝึกฝนตนดีกว่าค่ะ😊

    ตอบลบ
  2. คนจริงต้องลงมือปฏิบัติจริงแล้วจะเห็นจริงรู้จริง
    ไม่ต้องไปฟังเขาเล่าว่า พิสูทธิ์ด้วยตนเองดีที่สุด

    ตอบลบ
  3. ลงมือปฏิบัติกัน พิสูจน์ได้ด้วยการปฏิบัติด้วยตัวเอง

    ตอบลบ
  4. บทความนี้ เป็นนิยายปรัมปรา ตื่นขึ้นมาหาว1 ที เป็นเรื่องเล่าฝันในฝัน ของเด็กในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ระหว่างคุณครูไม่ใหญ่กับเด็กนักเรียน
    จะเชื่อหรือไม่ ไม่ได้เกี่ยวกับการอวดอุตรินี่ การปรักปรำใครสักคนใส่ร้ายป้ายสี ยกเหตุผลให้ผู้กล่าวหาดูสวยเลิศหรู แต่ผู้ถูกกล่าวหา เสียหาย ดูจะอยุติธรรมเกินไปนะ

    ตอบลบ
  5. ชัดเจนเลยค่ะ ช่วยให้สังคมเขัาใจได้ดีขึ้น

    ตอบลบ
  6. ฟังแล้วให้กลับมาพิจารณาครับ ว่าวันหนึ่งเราก็ต้องจากโลกนี้ไปเช่นกัน จะได้เตรียมตัวหมั่นสร้างบุญ สร้างกุศลไว้เยอะๆ ไม่ต้องมาถกเถียงกันให้เสียเวลากันหรอกครับ นั่งสมาธิกันเถอะ เดี๋ยวอะไรๆ ก็จะดีขึ้นเอง ใครๆ ก็สอนเราไม่ได้หรอกครับ นอกจากตัวของเราเอง..!

    ตอบลบ
  7. ชัดเจนมั้ยค่ะวัดธรรมกายสอนแต่สิ่งดีๆให้กับผู้คนมากมายผู้ที่เข้าวัดก็เข้ามาด้วยความศรัทธาไม่ได้งมงายค่ะ

    ตอบลบ