วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ดูซิว่า..ธรรมกายสอนให้คน "หลงบุญ" อย่างไร??

คำถาม : วัดนี้เน้นแต่ให้คนทำบุญสอนให้คนหลงบุญ ที่เน้นให้คนมาทำบุญเพราะทางวัดชอบจัดกิจกรรมที่โชว์ความอลังการ และต้องใช้เงินเยอะ เช่น กิจกรรมเดินธุดงค์ฯ จริงไหม? 
ธุดงค์ธรรมยาตรา


คำตอบ : ก่อนจะตอบคำถาม ขอถามกลับถึงคนที่ตั้งประเด็นนี้หน่อยว่า... ระหว่างสอนให้คนทำบุญกับสอนให้คนทำบาปอันไหนดีกว่ากัน???  ถ้าไม่สอนให้คนทำบุญ!!! คุณคิดว่าเราควรจะสอนให้คนทำอะไร??? (สอนให้คนทำบาปอย่างนั้นหรือ!!!) แล้วที่คุณพูดว่า...ทางวัดสอนให้คนหลงบุญนั้น คำว่า.. หลงที่ว่าเนี่ย!!! หมายถึงหลงใหลหรือ หลงลืม (ที่จะทำบุญ) คือมันมีหลายหลงน่ะ!!!  เลยอยากรู้ว่ามันคือ "หลง" ไหนกันแน่
อย่างประเด็นที่มีคนพยายามชี้นำว่า... วัดพระธรรมกายเน้นให้คนมาทำบุญเยอะๆ เพราะทางวัดชอบจัดกิจกรรมที่โชว์ความอลังการและต้องใช้เงินเยอะ ถ้าใครตีประเด็นออกมาในลักษณะนี้ก็ถือว่าไม่ถูกต้อง และดูจะมีอคติกับทางวัดไปสักเล็กน้อยบางประการถึงมากมาย เพราะในความเป็นจริงแล้ววัดพระธรรมกายสอนให้คนทำความดีในทุกด้านตามหลักบุญกิริยาวัตถุ10 ทั้งทำทาน  รักษาศีล  และเจริญภาวนามาตั้งแต่สร้างวัด
จริงอยู่ที่ทางวัดต้องอาศัยปัจจัยที่ได้มาจากศรัทธาสาธุชนในการจัดกิจกรรมงานบุญที่ส่งเสริมให้คนทำความดีหรือกิจกรรมที่ส่งเสริมพระพุทธศาสนา  แต่อย่าลืมว่าทุกงานล้วนมีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น แล้วด้วยความที่ทางวัดพิมพ์แบงค์เองไม่ได้ ทุกกิจกรรมงานบุญ ไม่ว่าจะเป็นของทางวัดพระธรรมกายหรือแม้แต่ของวัดไหนๆ จึงจำเป็นต้องอาศัยศรัทธาของ ผู้ที่มีดวงปัญญาที่มองเห็นประโยชน์ของกิจกรรมที่ทางวัดจัดขึ้น   เมื่อเขามองเห็นประโยชน์ เขาจึงยอมเสียสละทรัพย์ส่วนตัวที่ได้มาจากหยาดเหงื่อแรงกาย แล้วมาร่วมกันบริจาคเพื่อเป็นเจ้าภาพในเวลาที่ทางวัดจัดกิจกรรมงานบุญในแต่ละครั้ง (ด้วยความเต็มใจ)   
อันที่จริงคนที่ตั้งประเด็นจับผิดเหล่านี้ก็น่าจะรู้ว่า...ทุกอย่างบนโลกไม่ใช่ว่าจะได้มาฟรีๆ ยิ่งในยุคสมัยนี้เวลาจะคิดจะทำอะไรสักอย่างไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ล้วนมีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น  อย่าว่าแต่ค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมของวัดพระธรรมกายเลย แม้แต่คนที่หายใจเข้าออกอยู่ที่บ้าน หรือแค่นอนเฉยๆ อยู่คนเดียวโดยไม่ทำอะไร  ทุกอนุวินาทีที่ผ่านไปก็ล้วนมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นทั้งนั้นแหละ  ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ  ค่าไฟ ค่าอาหาร  ค่าข้าวของเครื่องใช้จิปาถะสารพัด เพียงแต่เราจะนำมาขบคิดหรือไม่ก็เท่านั้น

อคติบดบังปัญญา คนมีอคติ ย่อมมองไม่เห็นความจริง

อย่างค่าอาหาร... Input เข้าไป!!! ก็ต้องเสียค่าใช้จ่าย พอตอน Output ออกมา!!! อย่าคิดว่าไม่มีค่าใช้จ่ายน่ะ แค่ฉีดน้ำเพื่อล้างชำระก็มีค่าใช้จ่าย จะหยิบทิชชู่มาเช็ดสักแผ่นก็มีค่าใช้จ่าย พอกดชักโครกก็เสียค่าใช้จ่ายอีก เรียกว่า...ทั้งฉีด  ทั้งเช็ด  ทั้งกดชักโครก...ล้วนมีค่าใช้จ่ายหมด!!! ขนาดอยู่ตัวคนเดียวยังมีค่าใช้จ่ายขนาดนี้ แล้วถ้ากิจกรรมที่รวมคนมาทำความดีเป็นจำนวนมาก!!! ลองคิดดูสิว่า...มันจะต้องมีค่าใช้จ่ายมากขนาดไหน ตรงนี้คนที่ชอบตั้งประเด็นจับผิดวัดพระธรรมกายเคยคิดกันบ้างหรือเปล่า!!!  หรือคิดแต่จะจับผิดอย่างเดียว  
และในเวลาที่ทางวัดจัดกิจกรรมส่งเสริมให้คนมาทำความดีหรือจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมพระพุทธศาสนา  หลายคนที่ไม่เข้าใจในเจตนาของทางวัดหรือมีอคติกับทางวัดอาจมองและตีประเด็นไปว่า... “วัดพระธรรมกายได้หน้าหรือได้ประโยชน์จากการจัดกิจกรรมเหล่านี้แต่เพียงฝ่ายเดียว” แต่ในความเป็นจริงแล้ว...ทุกภาคส่วนล้วนได้ประโยชน์จากกิจกรรมที่ทางวัดพระธรรมกายจัดทั้งสิ้น  ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ  การเมือง  หรือสังคม   
อย่างด้านเศรษฐกิจ...เวลาจัดกิจกรรมส่งเสริมให้คนมาทำความดีหรือจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมพระพุทธศาสนาในแต่ละครั้ง เม็ดเงินที่เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมเหล่านี้ล้วนมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณพื้นที่ที่ใช้จัดงาน  
ยกตัวอย่างเช่น : ในเวลาจัดงานทางวัดจำเป็นต้องใช้เสื่อเป็นจำนวนมาก ซึ่งเสื่อที่นำมาใช้ทางวัดก็ไม่ได้ทำเอง สุดท้ายก็ต้องไปหาซื้อเสื่อจากร้านค้า ร้านค้าก็ต้องไปสั่งมาจากโรงงาน โรงงานก็ต้องไปจ้างคนงานพร้อมกับหาแหล่งที่ขายวัตถุดิบมาใช้ทำเสื่อ คนที่เป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบพอได้ออร์เดอร์จากโรงงานก็ต้องไปซื้อปุ๋ย ซื้อเมล็ดพันธุ์มาเพาะปลูกเพื่อผลิตวัตถุดิบป้อนส่งให้โรงงาน        
เมื่อคนเหล่านี้มีรายได้การใช้จ่ายก็เกิดขึ้น  แต่ละคนก็ต้องมาเสียภาษีให้กับรัฐ รัฐก็นำเงินภาษีเหล่านี้มาบริหารประเทศและทำประโยชน์ให้กับประชาชน  เรียกได้ว่า...เงินแต่ละบาทแต่ละสตางค์ล้วนมีส่วนกลับไปหล่อเลี้ยงคนทุกระดับตั้งแต่ระดับนายกฯ จนกระทั่งรากหญ้า  ที่สำคัญ...เมื่อภาพกิจกรรมส่งเสริมให้คนมาทำความดีออกไปสู่สายตาของชาวโลก (ซึ่งมีอยู่หลายครั้งที่สื่อต่างชาติคัดเลือกภาพกิจกรรมของทางวัดไปเผยแพร่)  ประเทศไทยก็จะยิ่งเป็นที่รู้จักในทางที่ดีในระดับนานาชาติ  และมีส่วนช่วยดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาท่องเที่ยวและนำเงินมาใช้จ่ายในประเทศไทยมากขึ้น  (อย่างงานตักบาตรพระ 1 หมื่นรูปที่หาดใหญ่ที่จัดขึ้นเมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคมปี 58  สามารถดึงดูดชาวมาเลเซียและสิงคโปร์ให้มาร่วมงานมากถึง 8,000 คน ซึ่งกิจกรรมดังกล่าว  ถือว่ามีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในตัวเมืองหาดใหญ่ทั้งภาคธุรกิจการโรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้าเป็นอย่างมาก)
อย่างด้านการเมืองและสังคม...การที่วัดพระธรรมกายจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าว   ถือว่ามีส่วนช่วยภาครัฐประหยัดงบประมาณไปได้เยอะ ที่พูดแบบนี้ก็เพราะว่า...การสร้างคนดีให้เกิดขึ้นในสังคมแม้เพียงหนึ่งคน ก็สามารถลดค่าใช้จ่ายที่ภาครัฐจะต้องสูญเสียไปกับกระบวนการต่างๆ ในการปราบปรามคนไม่ดี ยิ่งในยุคที่คนเสื่อมจากศีลธรรมอย่างในยุคปัจจุบันนี้ การสร้างคนดีทีละคนมันคงไม่ทันกาล  ดังนั้น...ทางวัดจึงมุ่งเน้นทำกิจกรรมส่งเสริมให้คนทำความดีและปลูกฝังศีลธรรมทีละมากๆ (คือ...ต้องว่ากันเป็นหลักหมื่น  หลักแสน  หรือหลักล้านถึงจะเหมาะสมกับยุคที่มนุษย์เสื่อมจากศีลธรรมแบบนี้) พูดได้ว่าเป็นกิจกรรมที่ สร้างความสงบสยบความชั่วทั้งหลาย  ซึ่งเป็นวิธีการแก้ปัญหาด้านศีลธรรมที่ต้นเหตุที่ประหยัดสุดประโยชน์สูง
หยุดว่าร้าย ทำลายกัน
เพราะฉะนั้น...ใครก็ตามที่ชอบตั้งประเด็นให้คนเข้าใจวัดในทางที่ผิด อย่ามัวแต่จ้องจับผิด!!! หรือดูแต่ยอดเงินบริจาคที่ศรัทธาสาธุชนนำมาถวายเพื่อร่วมกิจกรรมส่งเสริมให้คนทำความดีกับทางวัด  เพราะเงินที่เข้ามาสุดท้ายก็ต้องจ่ายออกไป คนที่ “คิดดีและมีปัญญา” เขาจะมองภาพในส่วนนี้ออก ส่วนคนที่ “มีปัญญาแต่ไม่ยอมใช้ปัญญาคิดในสิ่งดีๆ” อาจจะมองไม่เห็นประโยชน์ของกิจกรรมส่งเสริมให้คนทำความดีที่ทางวัดพระธรรมกายจัดขึ้น 

ก็อย่างที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นว่า...ทุกกระบวนการในการปลูกฝังศีลธรรมสอนคนให้คนละชั่ว  ทำดี  ทำใจให้บริสุทธิ์ผ่องใสนั้น  มันมีค่าใช้จ่าย และค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็จะย้อนคืนกลับไปสู่ระบบเศรษฐกิจของชาติ และกระจายรายได้ไปสู่สังคมตั้งแต่ระดับบนจนถึงระดับรากหญ้า เรียกได้ว่า...เป็นการกระจายรายได้ในวงกว้างอย่างที่ใครหลายๆ คนคาดไม่ถึง  ดังนั้น...ถ้าคุณหรือใครไม่เคยมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการทำความดีของทางวัด หรือพูดง่ายๆ ว่าไม่เคยร่วมออกเงินเลยสักบาท  คุณก็ไม่ควรไปปรามาสหรือใช้ถ้อยคำดูแคลนกลุ่มคนที่เขาตั้งใจทำความดี หรือตีประเด็นให้คนในสังคมเข้าใจผิดเหมือนอย่างที่คุณและใครอีกหลายๆ คนกำลังทำกันอยู่ในตอนนี้  
เหยียบย่ำ ใส่ร้ายกันทุกวัน มันสนุกปากมากนักรึไง
อันที่จริง!!! คนที่ตั้งประเด็นเหล่านี้ควรจะชื่นชมและอนุโมทนากับเขาด้วยซ้ำ เพราะคุณยังทำแบบเขาไม่ได้เลย มาถึงตรงนี้!!! ขอถามจริงๆ เถอะ "การรวมคนมาทำความดี" มันไม่ดีตรงไหน!!! หรือเพียงแค่คุณไม่ชอบวัดพระธรรมกายก็เลยออกมาต่อต้าน ถ้าไม่ชอบไม่อยากมาร่วมก็ไม่เป็นไร ว่าแต่ตัวคุณเคยคิดทำกิจกรรมดีๆ แบบนี้บ้างไหม หรือถนัดแต่อยู่หน้าคอมแล้วตั้งประเด็นให้คนเข้าใจผิด นี่มันอาชีพของคุณรึ!!! นี้มันเป็นชีวิตและจิตวิญญาณของคุณรึ!!!  คุณใช้สังคมโซเชียลเพื่อตั้งประเด็นใส่ร้ายกันแบบนี้รึ!!! ทางที่ดี...มาช่วยกันส่งเสริมศีลธรรมให้เกิดขึ้นในประเทศชาติบ้านเมืองของเราจะดีกว่า  แต่ถ้าไม่คิดจะช่วยจริงๆ ก็ให้อยู่เฉยๆ แค่นี้ก็ถือว่าช่วยมากแล้ว  

8 ความคิดเห็น:

  1. เคลียร์คัทชัดเจนแจ่มแจ้งแดงแจ๋
    สาธุ แล้วสาธุอีกหลายสาธุเลยครับ

    ตอบลบ
  2. ตอบคำถาม ได้ดีมาก ๆ ชัดเจน ที่สุดเลย ค่ะ
    อนุโมทนมบุญ ค่ะ

    ตอบลบ
  3. วัดพระธรรมกายสอนให้รักบุญกลัวบาปค่ะ

    ตอบลบ
  4. ดีมากตอบได้ชัดเจนมากอยากรู้ว่าคนที่ตั้งประเด็นนั้นเคยทำบุญกับเขาบ้างมั้ยช่างพูดได้น่าสงสารจริงๆ..ขออนุโมทนาบุญกับผู้ที่ตอบคำถามได้อย่างแจ่มแจ้งค่ะ

    ตอบลบ
  5. ซอฟท์จี๊ด เคลียร์คัท สาธุค่ะ

    ตอบลบ
  6. เห็นภาพชัดเจนเลยค่ะว่า การรวมตัวกันทำความดี เป็นจำนวนมากๆ มันก่อให้เกิดพลัง ทำให้มีผลดีต่อสังคมและประเทศชาติ และสามารถขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศชาติได้

    ตอบลบ
  7. เคลียร์คัทชัดเจนแจ่มแจ้งแดงแจ๋
    สาธุ แล้วสาธุอีกหลายสาธุเลยครับ

    ตอบลบ
  8. หลงอยู่ในบุญ ดีกว่าหลงอยู่ในบาป
    ชวนคนทำบุญ ดีกว่าชวนคนทำบาป

    ตอบลบ